จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โรคและแมลงศัตรูฝรั่ง


โรคที่สำคัญของฝรั่ง
1.
โรคจุดสนิม เกิด จากเชื้อราเข้าทำลายใบ โดยจะเห็นจุดขนาดเล็ก เริ่มจากจุดสีเขียวแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีสนิมเหล็กและเป็นขุยคล้ายกำมะหยี่ ถ้าเป็นที่กิ่งจะทำให้เป็นขุยและกิ่งแตกแห้งตาย
การป้องกัน ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น มาแนบและซีแนบหรือฉีดพ่นด้วยดูโอ 400 อตรา 20 cc/น้ำ20 ลิตรเพื่อฆ่าเชื้อ

2. โรคแอนแทรคโนส เกิดจากเชื้อราเข้าทำลายผลอ่อน ผลสุกและใบ อาการบนใบจะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ แผลอาจทะลุ ถ้าเป็นที่ผลอ่อนจะทำให้มีสีน้ำตาลและเน่าแห้งไปในที่สุด แต่ถ้าเป็นระยะผลสุกหรือใกล้สุก จะเกิดแผลเน่าสีน้ำตาล อาการจะลุกลาม แผลจะบุ๋มลงเล็กน้อยมีจ้ำสีคล้ำและเมือกสีแสดปรากฏให้เห็น
การป้องกัน ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราก่อนห่อผล เช่น ดูโอ 400 แคบแทน โปรคลอราช

แมลงศัตรูฝรั่ง
1. แมลงวันทอง การทำลายเกิดจากแมลงวันทองวางไข่ที่ใต้ผิวฝรั่งสุก (หรือระยะที่ผิวผิวอ่อน) ตัวอ่อนที่ฟักจากไข่จะเจริญกินเนื้อฝรั่งเป็นอาหารทำให้ฝรั่งอ่อนนิ่มและเละ ในที่สุด
การป้องกัน ห่อผลในขณะที่ผิวยังแข็ง มีสีเขียว ขนาดเล็ก การห่ออาจห่อด้วยถุงพลาสติกชั้นเดียว หรือ 2 ชั้น โดยต้องเจาะรูกระดาษห่อชั้นในก้นถุงให้น้ำไหลออก
2. เพลี้ยแป้ง จะดูดกินน้ำเลี้ยงตามใบอ่อน กิ่งอ่อน และช่อดอกทำให้แห้งเฉาหรือใบผิดรูปร่างและผลผลิตลดลง
การป้องกัน พ่นด้วยสารละลายคลอไฟรีฟอส50%+ไซเปอร์เมทริน5% 20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วต้น ใบ กิ่งอ่อนและผลทุก ๆ 7 วัน ประมาณ 2-3 ครั้ง และหยุดพ่นสารเคมีอย่างน้อย 7 วัน ก่อนเก็บเกี่ยวผลหากปลูกส่งออกอาจใช้ สารอิมิดาคลอพริด 70 % พ่น แทน เพราะมีสารตกค้างน้อยกว่า

การปลูกฝรั่ง


การปลูกฝรั่ง
ระยะปลูกระหว่างแถวและระหว่างต้นประมาณ 3 x 3 เมตรในเนื้อที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 150-160 ต้น

การเตรียมดิน
การ ปลูกฝรั่งในพื้นที่น้ำขังควร ยกร่องให้มีขนาดความกว้างของหลังร่องประมาณ 6 เมตร มีคูน้ำกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร สำหรับที่ดอนไม่ต้องยกร่อง จากนั้นก็ไถปรับปรุงดินโดยการตากดินเพื่อฆ่าเชื้อโรค และเมล็ดวัชพืช หว่านปูนขาวทิ้งไว้สัก1 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรคและ ปรับความเป็นกรดของดิน พื้นที่ดินเป็นด่างไม่ต้องใส่ แล้วใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยมูลสัตว์อัดเม็ด ในปริมาณเท่า ๆ กัน อัตราปุ๋ย 1 ส่วนต่อดิน 2 ส่วน เพื่อให้ดินร่วนซุยและเพิ่มอินทรีย์วัตถุจะทำให้ปุ๋ยเคมีอยู่ในดินได้นานขึ้นด้วย

วิธีปลูก
หลังจากเตรียมหลุมปลูกเรียบร้อยแล้ว ให้นำกิ่งพันธุ์ที่ชำไปปลูกลงในหลุมโดยเอาถุงดำออก และปลูกไม่ต้องฝังลึก กลบดินให้แน่น แล้วใช้ไม้ปักเป็นหลักผูกกันลมโยกและรดน้ำทันที ขนาดของหลุมปลูกควรกว้าง 0.5 เมตร ยาว 0.5 เมตร และลึก 0.5 เมตร ที่จำเป็นต้องขุดหลุมกว้างเพื่อเปลี่ยนสภาพดินในหลุมให้ดีขึ้น ดังนี้

1. ควรขุดดินโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ดินบนและดินล่าง
- ดินบน เป็นส่วนที่มีอินทรีย์วัตถุมากอยู่แล้ว ให้แยกไว้ส่วนหนึ่ง
- ดินล่าง คือดินที่เมื่อขุดลึกลงไปแล้วพบว่าดินมีสีจางลงเป็นชั้นที่ไม่มีอินทรีย์วัตถุ
2. โรยปูนขาวหรือโดโลไมท์บนกองดิน แล้วตากดินไว้ 10-15 วัน เพื่อให้แสงแดดส่องฆ่าเชื้อโรคในหลุมปลูกและในดิน
3. กลบดินบนลงในหลุม
4. ผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วนต่อดินล่าง 2 ส่วน และรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 ขีด แล้วจึงกลบลงไปในหลุมทับชั้นดินบน จนมีระดับสูงกว่าระดับพื้นดินธรรมดาประมาณ 10 เซนติเมตร
การที่ต้องกลบดินให้สูงกว่าระดับดินเดิมนั้น เพื่อที่เมื่อเวลาปลูกแล้วดินจะยุบตัวลงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้พอดีกับระดับดินเดิม ถ้าไม่เผื่อไว้จะเป็นแอ่งและมีน้ำขังทำให้รากเน่าตายได้ ถ้าจะให้ดีรดด้วยน้ำผสมฮิวมิค แอซิด จะช่วยให้แตกรากมากขึ้น


การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ
หลังจากปลูกฝรั่งแล้วต้องหมั่นคอยรดน้ำในช่วงระยะแรกจนกว่าต้นฝรั่งจะตั้งตัวได้ หลังจากนั้นก็ต้องสังเกตดูความชุ่มชื้นของดิน ถ้าดินแห้งมากต้องให้น้ำ การให้น้ำจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามความต้องการของต้นฝรั่ง การให้น้ำระหว่างการออกผลมีความสำคัญมากควรให้อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากให้ไม่สม่ำเสมอจะก่อให้เกิดการร่วง การแตก และขนาดของผลไม่โต รสชาติไม่ดี

การใส่ปุ๋ย
การปลูกพืชทุกชนิดควรมีการใส่ปุ๋ยทั้งปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีปุ๋ยคอกอาจจะเป็น ขี้ไก่อัดเม็ด หรือขี้หมูอัดเม็ด หากเป็นขี้วัว หรือขี้ไก่ที่ซื้อตามฟาร์มควรเอามากองไว้สัก4-5 เดือนก่อนใส่เพราะอาจมีผลต่อต้นและผลเช่น ใบเหลืองหรือผลร่วงสำหรับปุ๋ยเคมี สูตรที่แนะนำ คือ 15-15-15 หรือ 13-13-21 ยืนพื้น ฝรั่งเมื่อออกดอกแล้วจำเป็นต้องให้น้ำและปุ๋ยเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ขึ้นทุก ๆ ปี ควรให้ปุ๋ยประมาณ 2 กิโลกรัม/ต้น/ปี หรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับอายุของต้นและปริมาณผลผลิต และหากจะให้ฝรั่งมีรสหวานแลพมีคุณภาพยิ่งขึ้น ควรหาปุ๋ยสูตร 0-0-22 (ซัลโฟแม็ก) มาใส่ก่อนเก็บ1 เดือน และให้ใช้ปุ๋ยเหลวทางใบสูตร 3-13-36 +2B พ่นก่อนเก็บผล 1 สัปดาห์ ฉีดพ่นเพื่อเพิ่มขนาดผลและสร้างรสชาติที่ดี

การพยุงผลฝรั่ง
ฝรั่งจะเริ่มออกผลเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน ควรใช้ไม้ไผ่ปักไว้เพื่อพยุงผลฝรั่ง โดยใช้ไม้ไผ่ขนาดเล็กปักใกล้กับกิ่งที่ออกผลแล้ว โดยผูกขั้วผลกับไม้ปักเพื่อไม่ให้ผลถ่วงต้น

การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งจะช่วยให้ฝรั่งเกิดกิ่งใหม่ และมีช่อดอกออกมาด้วยทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ได้สัดส่วน อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่อง ได้ทั่วถึง สะดวกในการเก็บผลและการพ่นสารป้องกันกำจัดโรค และแมลง นอกจากนี้ ยังทำให้ได้ผลผลิตที่แน่นนอน ผลมีขนาดใหญ่ สำหรับส่วนใหม่ ควรมีการตัดแต่งกิ่งทุกปีเพื่อกระตุ้นการเจริญ และการสร้างตาดอก
การห่อผล
ประโยชน์ ของการห่อผลนอกจากจะช่วยป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูฝรั่งแล้ว ยังทำให้ผลฝรั่งมีผิวสวยน่ารับประทาน วิธีการห่อผลฝรั่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ถุงพลาสติกหรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ ก่อนแล้วจึงสวมถุงพลาสติกทับอีกชั้นหนึ่ง โดยจะเริ่มห่อผลฝรั่งเมื่อมีขนาดเท่าลูกมะนาวหรือหลังดอกบานแล้ว 1 เดือนถ้าห่อช้าอาจมีปัญหากับแมลงวันทอง ก่อนห่อควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา ที่แนะนำคือการใช้ ดูโอ 400 พ่นเพื่อกำจัดเชื้อราทุกชนิดทั้งเส้นใยและสปอร์ของเชื้อ และพ่นสารอิมิดา ที่ผลฝรั่งเสียก่อน

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พันธุ์ฝรั่งที่นิยมปลูกเป็นการค้า



ตอนนี้ที่นิยมกันมากก็จะเป็น แป้นสีทองและกิมจู

ข้อแตกต่างระหว่างสองพันธุ์นี้เป็นเรื่องของความนิยมในตลาดมากกว่าดังนั้นผู้ที่คิดจะทำสวนฝรั่งควรพิจารณาดังนี้
ฝรั่งแป้นสีทองเป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมานานแล้วลูกกลมสวย เนื้อหนาแต่มีขนาดเม็ดใหญ่ในปัจจุบันนิยมบริโภคสด และแปรรูบเป็นฝรั่งแช่บ๊วย (ที่เห็นปลอกเปลือกเขียวๆตามรถเข็น) นี่แหละที่ทำให้ตลาดของฝรั่งยังเดินต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์แป้นยอดแดงอีดด้วย
ส่วนฝรั่งกิมจู นั้นเนื้อจะหนามากเมล็ดมีขนาดเล็กมากเท่าๆกับเหรียญสิบ รสชาดหวานกรอบ นิยมบริโภคสดแต่ผลมีลักษณะขรุขระ ผิวไม่เรียบ และกำลังเป็นที่นิยม ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ซึ่งในการที่จะตัดสินใจปลูกนั้นต้องพิจารณาในเรื่องตลาดและความตั้งใจเรื่องการผลิตให้ได้คุณภาพ จึงจะยืนในตลาดนี้ได้